วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2559

Questionnaire1

LinkFinal1

FinalDetail1

อุปกรณ์ที่ใช้ในห้องแลป

ขวดปริมาตร
        เป็นเครื่องมือที่ใช้เตรียมสารละลายมาตรฐานหรือสารละลายที่มีความเข้มข้นน้อยกว่าสารละลายเดิมได้ ขวดปริมาตรมีหลายขนาดและมีความจุต่าง ๆ กัน เช่น ขนาด 50 มล. 100 มล. 250 มล. 500 มล. 1,000 มล. และ 2,000 มล. เป็นต้น แบ่งตามรูปร่างและลักษณะการใช้ได้ดังต่อไปนี้ 
1. ขวดปริมาตรฟลอเรนส์ (Florence Flask) หรือเรียกว่า Flat Bottomed Flask มีลักษณะคล้ายลูกบอลลูน มักจะใช้สำหรับต้มน้ำ เตรียมแก๊ส และเป็น wash bottle 
2. ขวดปริมาตรก้นกลม (Round Bottom Flask) ขวดปริมาตรชนิดนี้มีลักษณะเหมือนกับ Florence Flask แต่ตรงก้นขวดจะมีลักษณะกลมทำให้ไม่สามารถตั้งได้ 
3. ขวดปริมาตรทรงกรวย (Erlenmeyer Flask หรือ Conical Flask) ขวดปริมาตรชนิดนี้มีลักษณะเป็นทรงกรวย และมีความจุขนาดต่าง ๆ กัน แต่ที่นิยมใช้กันมากมีความจุเป็น 250-500 มล. สามารถใช้ได้ในหลายกรณี เช่น ในการไตเตรท 
4. ขวดปริมาตรกลั่น (Distilling Flask) ขวดปริมาตรชนิดนี้นิยมใช้ในการกลั่นของเหลว
5. Volumetric Flask ขวดปริมาตรชนิดนี้มีลักษณะเป็นขวดคอยาวที่มีขีดบอกปริมาตรบนคอขวดเพียงขีดเดียว นิยมใช้ในการเตรียมสารละลาย โดยทั่วไปจะนำสารนั้นมาละลายในบีกเกอร์ก่อนที่จะเทลงในขวดปริมาตรโดยใช้กรวยกรอง แล้วเทน้ำล้างบีกเกอร์หลาย ๆ ครั้งด้วยตัวทำละลายแล้วเทลงในกรวยกรอง เพื่อล้างสารที่ติดอยู่ให้ลงในขวดให้จนหมด อย่าให้สารละลายใน volumetric flask มีเกิน 2 ใน 3 ของปริมาตรทั้งหมด เทตัวทำละลายลงในขวดโดยผ่านกรวยอีก เพื่อเป็นการล้างกรวย จนขวดมีปริมาตรถึงขีดบอกปริมาตร 
บีกเกอร์

มีหลายขนาดและมีความจุต่างกัน โดยที่ข้างบีกเกอร์จะมีตัวเลขระบุความจุของบีกเกอร์ ทำให้ผู้ใช้สามารถทราบปริมาตรของของเหลวที่บรรจุอยู่ได้อย่างคร่าวๆ และบีกเกอร์มีความจุตั้งแต่ 5 มิลลิเมตรจนถึงหลายๆลิตร อีกทั้งเป็นแบบสูง แบบเตี้ย และแบบรูปทรงกรวย (conical beaker) บีกเกอร์จะมีปากงอเหมือนปากนกซึ่งเรียกว่า spout ทำให้การเทของเหลวออกได้โดยสะดวก spout ทำให้สะดวกในการวางไม้แก้วซึ่งยื่นออกมาจากฝาที่ปิดบีกเกอร์ และ spout ยังเป็นทางออกของไอน้ำหรือแก๊สเมื่อทำการระเหยของเหลวในบีกเกอร์ที่ปิดด้วยกระจกนาฬิกา (watch grass)

กระบอกตวง
มีขนาดต่างๆ กัน ตั้งแต่ 5 มิลลิลิตรจนถึงหลายๆ ลิตร ใช้เป็นอุปกรณ์สำหรับวัดปริมาตรของของเหลวที่มีอุณภูมิไม่สูงกว่าอุณภูมิของห้องปฏิบัติการ กระบอกตวงไม่สามารถใช้วัดของเหลวที่มีอุณภูมิสูงได้เนื่องจากอาจจะทำให้กระบอกตวงแตกได้ กระบอกตวงจะบอกปริมาตรของของเหลวอย่างคร่าว ๆ ถ้าต้องการวัดปริมาตรที่แน่นอนต้องใช้อุปกรณ์วัดปริมาตรอื่นๆ เช่น ไพเพทหรือบิวเรท โดยปกติความผิดพลาดของกระบอกตวงเมื่อมีปริมาตรสูงสุดจะมีประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ กระบอกตวงขนาดเล็กใช้วัดปริมาตรได้ใกล้เคียงความจริงมากกว่ากระบอกตวงขนาดเล็ก 


ไพเพท
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดปริมาตรได้อย่างใกล้เคียง มีอยู่หลายชนิด แต่โดยทั่วไปที่มีใช้อยู่ในห้องปฏิบัติการมีอยู่ 2 แบบ คือ Volumetric pipette หรือ Transfer pipette และ Measuring pipette Transfer pipette ซึ่งใช้ในการวัดปริมาตรได้เพียงค่าเดียว คือถ้าหาก Transfer pipette จุ 25 มล. ก็จะวัดปริมาตรของของเหลวได้เฉพาะ 25 มล. เท่านั้น Transfer pipette มีหลายขนาดตั้งแต่ 1 มล. ถึง 100 มล. ถึงแม้ไพเพทชนิดนี้จะใช้วัดปริมาตรได้อย่างใกล้เคียงความจริงก็ตาม แต่ก็ยังมีข้อผิดพลาดซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของไพเพท เช่น 
Transfer pipette ขนาด 10 มล. มีความผิดพลาด 0.2% 
Transfer pipette ขนาด 30 มล. มีความผิดพลาด 0.1% 
Transfer pipette ขนาด 50 มล. มีความผิดพลาด 0.1% 
Transfer pipette ใช้สำหรับส่งผ่านของสารละลาย ที่มีปริมาตรตามขนาดของไพเพท เมื่อปล่อยสารละลายออกจากไพเพทแล้ว ห้ามเป่าสารละลายที่ตกค้างอยู่ที่ปลายของไพเพท แต่ควรแตะปลายไพเพทกับข้างภาชนะเหนือระดับสารละลายภายในภาชนะนั้นประมาณ 30 วินาที เพื่อให้สารละลายที่อยู่ข้างในไพเพทไหลออกมาอีก ไพเพทชนิดนี้ใช้ได้ง่ายและเร็วกว่าบิวเรท 
Measuring pipette หรือ Graduated pipette (บางทีเรียกว่า Mohr pipette) จะมีขีดบอกปริมาตรต่าง ๆ ไว้ ทำให้สามารถใช้ได้อย่างกว้างขวาง คือสามารถใช้แทน Transfer pipette ได้ แต่ใช้วัดปริมาตรได้แน่นอนน้อยกว่า Transfer pipette และมีความผิดพลาดมากกว่า เช่น 
Measuring pipette ขนาด 10 มล. มีความผิดพลาด 0.3% 
Measuring pipette ขนาด 30 มล. มีความผิดพลาด 0.3%


ตะเกียงเทอร์ริล
เป็นตะเกียงที่ได้ดัดแปลงแก้ไขมาจากตะเกียงบุนเซน ทำให้สามารถปรับปริมาณของอากาศและก๊าซได้ที่ตัวตะเกียง ปริมาณของก๊าซปรับได้โดยหมุนปุ่มเกลียวที่ฐานของตะเกียงขึ้นหรือลง ตะเกียงชนิดนี้สามารถใช้เผาเบ้าทองคำขาวที่ปิดผาได้อุณหภูมิสูงถึง 1,050 - 1,150 องศาเซลเซียส และเผาเบ้าเคลือบที่ปิดผาได้อุณหภูมิสูง 600 - 700 องศาเซลเซียส

ตะเกียงบิ๊กเกอร์
เป็นตะเกียงที่มีการปรับปรุงแก้ไขให้ทางเข้าของอากาศกว้างพอที่ให้ปริมาณของอากาศผ่านเข้าในตะเกียงพอสมควร เพื่อให้เกิดการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ ตะเกียงนี้มีลักษณะดังนี้ ตอนโคนตัวตะเกียงเล็ก แคบและโตกว้างในตอนใกล้ตัวตะเกียง ซึ่งทำให้การผสมของอากาศและก๊าซเหมาะสมดีขึ้น มีตะแกรงลวดนิกเกิลติดอยู่ที่หัวของตะเกียงเพื่อป้องกันเปลวไฟสะท้อนกลับ อุณหภูมิสูงสุดของเปลวไฟจะอยู่สูงกว่าหัวตะเกียงประมาณ 2 - 3 มิลลิเมตร ตะเกียงมีเกอร์เหมือนตะเกียงเทอร์ริลตรงที่สามารถปรับปริมาณของอากาศและก๊าซได้ที่ตัวตะเกียง ตะเกียงมีเกอร์สามารถเผาเบ้าทองคำที่ปิดฝาได้อุณหภูมิสูงถึง 1,000 - 1,200 องศาเซลเซียส และเผาเบ้าเคลือบที่ปิดผาได้อุณหภูมิสูง 800 - 900 องศาเซลเซียส


กรวยกรอง
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้คู่กับกระดาษกรอง ( Filter Paper) ในการแยกของแข็งออกจากของเหลวและมักจะใช้สำหรับสวมบิวเรทเมื่อจะเทสารละลายลงในบิวเรท กรวยกรองมีมุมเกือบๆ 60 องศา และมีทั้งแบบก้านสั้นและก้านยาว กรวยก้านยาวจะกรองได้เร็วกว่ากรวยก้านสั้น ขนาดของกรวยกรองจะใหญ่หรือว่าเล็กขึ้นอยู่กับความยาวของเส้นผ่าศูนย์กลาง (วัดขอบนอก)

หลอดหยด
มีลักษณะเป็นหลอดแก้วที่ปลายข้างหนึ่งยาวเรียวเล็ก และปลายอีกข้างหนึ่งมีกระเปาะยางสวมอยู่ หลอดหยดใช้สำหรับ
ดูดรีเอเจนต์จากขวดไปหยดลงในหลอดทดสอบที่มีสารอื่นบรรจุอยู่ เพื่อใช้ในการดูปฏิกิริยาเคมีของรีเอเจนต์นั้นๆ 

เครื่องชั่งชนิด Mechanical balance
อีกชนิดหนึ่งที่มีราคาถูกและใช้ง่าย แต่มีความไวน้อย เครื่องชั่งชนิดนี้มีแขนข้างขวาอยู่ 3 แขนและในแต่ละแขนจะมีขีดบอกน้ำหนักไว้เช่น 0-1.0 กรัม 0-10 กรัม 0-100 กรัม และยังมีตุ้มน้ำหนักสำหรับเลื่อนไปมาได้อีกด้วย แขนทั้ง 3 นี้ติดกับเข็มชี้อันเดียวกัน

เครื่องชั่งแบบ (Equal-arm balance) 

เป็นเครื่องชั่งที่มีแขน 2 ข้างยาวเท่ากันเมื่อวัดระยะจากจุดหมุนซึ่งเป็นสันมีด ขณะที่แขนของเครื่องชั่งอยู่ในสมดุล เมื่อต้องการหาน้ำหนักของสารหรือวัตถุ ให้วางสารนั้นบนจานด้านหนึ่งของเครื่องชั่ง ตอนนี้แขนของเครื่องชั่งจะไม่อยู่ในภาวะที่สมดุลจึงต้องใส่ตุ้มน้ำหนักเพื่อปรับให้แขนเครื่องชั่งอยู่ในสมดุล

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2559

ความประทับใจกับมหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ด
    หลังจากได้มาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยราชภัฎร้อยเอ็ดนั้นกระผมได้มีความประทับใจในสถานศึกษาแห่งนี้ มีอยู่หลายความประทับใจที่เกิดขึ้น ทั้งนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของความประทับใจเท่านั้นมาดูกันครับ

ความเป็นธรรมชาติของสถานที่ มีต้นไม้อยู่เป็นจำนวนมาก ร่มรื่น มีร่มเงาต้นไม้ไว้พักแดด



ความน่ารักของนักศึกษา ไหนๆมาดูกันสิครับ ว่าน่ารักมั้ย?


มีห้องสมุดที่ทันสมัยน่าอ่านหนังสือมั้ย?


     นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความประทับใจที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่อยากบอกให้รู้ว่า
“การศึกษาที่ มรภ.ร้อยเอ็ด มีคุณภาพ”

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559

5 เทคนิคแต่งรถสวย คืนร่างเดิมแล้วขายได้ราคา


          หลายคนประสบปัญหานำรถไปแต่ง เพราะเมื่อลงทุนนำรถไปหั่น ทำสีใหม่ใส่อะไรต่าง ๆ มากมาย ทำให้เกิดปัญหาราคารถตก หากจำเป็นต้องต้องขายรถ สิ่งที่ลงทุนแต่งไปก็ไม่คุ้มเลย แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพราะกระปุกคาร์จำมาแนะนำวิธีการแต่งรถให้ดูดี มีสไตล์ เป็นตัวของตัวเองและที่สำคัญ ราคาขายไม่ถูกหั่นฉับ มาให้รับทราบกันครับ

 เปลี่ยนล้อก็เปลี่ยนลุค
          เริ่มต้นกันด้วยของง่าย ๆ อย่างล้อแม็กซ์นี่แหละครับ ซึ่งเป็นของอย่างแรก ๆ ที่มือใหม่หัดแต่งจะนำไปเปลี่ยนตามสไตล์ ซึ่งมีมากมายหลายยี่ห้อ หลายแบบ หลายขนาด รวมถึงช่วยเพิ่มสมรรถนะให้กับรถได้ เช่น ล้อแม็กซ์น้ำหนักเบาจาก WRX ที่ช่วยเพิ่มการควบคุมรถให้ดีเยี่ยม แถมยังได้ลุคเท่ ๆ ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงขนาดล้อและความสูงของรถด้วย

 ทั้งเย็นทั้งเท่ด้วยฟิล์มกรองแสง
กระจกรถยนต์ก็เหมือนแว่นตาของคน ดังนั้น ถ้ารถติดฟิล์มกรองแสง ก็เหมือนคนใส่แว่นกันแดด หล่อ เท่ เป็นสง่า ฟิล์มกรองแสงจะช่วยกันความร้อนที่เข้าไปในรถได้ระดับหนึ่งซึ่งเหมาะกับเมืองไทยมาก เพราะแดดแรงและร้อนทั้งปี การติดฟิล์มที่ดีนั้นจะต้องติดให้พอดีกับกระจก รวมถึงต้องไม่ฉีกขาดกลางแผ่น ไม่มีฟองอากาศแทรกกลาง แต่ต้องระวังฟิล์มที่มืดเกินไป จะทำให้ทัศนวิสัยยามค่ำคืนลดลงอย่างมากทีเดียว

 แปลงโฉมทั้งคันด้วยสติกเกอร์ไวนิล
หลายคนลงทุนทำสีรถตามความชอบของตนเอง ซึ่งการทำสีตัวถังนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากและทำให้ราคารถตกลงอย่างแรง  ซึ่งในปัจจุบันมีวิธีการแปลงโฉมรถทั้งคันด้วยการใช้สติกเกอร์ไวนิล ที่จะเปลี่ยนสีรถบางส่วน หรือทั้งคัน รวมถึงสามารถพิมพ์ลวดลายต่าง ๆ ลงบนสติกเกอร์ได้ นอกจากความสวยงามแล้ว แผ่นไวนิลยังช่วยปกป้องสีของรถได้ระดับหนึ่งเลย ทำให้รถยังอยูในสภาพที่ดี ราคาขายไม่ตก ซึ่งหากเทียบกับการทำสีรถใหม่แล้ว การติดสติกเกอร์ไวนิล หรือการแร็ป นั้น มีราคาถูกกว่ามากมายเลยครับ




 พ่นด้วย Plastic Dip ซะ
วิธีการ แร็ปสติกเกอร์ นั้นอาจจะต้องพารถเข้าไปในร้านที่รับทำ ซึ่งหากเราอยากแปลงโฉมรถเอง วันนี้เราก็มีนวัตกรรมใหม่อย่าง Plastic Dip ซึ่งมีลักษณะคล้ายสีสเปรย์ ใช้งานโดยการพ่นลงไป ซึ่งเมื่อพ่นลงไปแล้วก็จะได้สีตามนั้น แต่หากเราอยากได้รถสีเดิม เราไม่ต้องนำรถไปขัดแม้แต่น้อย เพียงแค่ลอกออกด้วยมือเปล่า ก็จะสามารถคืนสีรถเดิมให้คุณได้ทันที นอกจากนี้ วัสดุที่ใช้ประกอบด้วยน้ำยางนั้น จะไม่ทำลายพื้นผิวรถ และยังช่วยรักษาสีเดิมของรถได้ด้วย แต่เนื่องด้วยยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ มันจึงยังมีราคาสูงกว่าการแร็ปสติกเกอร์ อยู่ และการพิมพ์ลวดลายก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของเราเองด้วย


 อะไหล่เก่า เราเก็บไว้ เมื่อต้องขายก็ใส่คืน
          การเก็บอะไหล่หรืออุปกรณ์เดิมของรถนั้น สามารถช่วยเพิ่มราคาให้รถได้ หากเราจำเป็นต้องขายมัน เพราะ คนส่วนใหญ่ที่ใช้รถมักชอบของที่ประกอบจากโรงงานมากกว่าของที่เราประกอบเอง ดังนั้น หากเปลี่ยนอุปกรณ์ภายในอย่างวิทยุ หรือหลอดไฟ ก็ควรเก็บของเดิมเอาไว้ด้วย หรือหากหาไม่ได้ ลองไปดูที่ตัวแทนจำหน่ายที่เราซื้อรถนั้นมา อาจมีบางศูนย์ยังเก็บของเหล่านี้ไว้อยู่ครับ

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2559

แต่งรถยังไงให้ถูกกฎหมาย

          จะว่าไปแล้ว การ แต่งรถ ก็เป็นเรื่องของความชอบส่วนตัว ปนความจำเป็นในการใช้งานนะครับ หลายๆ คนชอบความเร็ว หลายๆ คนชอบความบึกบึนฝ่าน้ำฝ่าทะเลได้ รถจากโรงงานดีก็จริง แต่จะใช้ให้ได้ดังใจบางทีก็ต้องมีเติมเสริมแต่งกันบ้างเป็นธรรมดา หลายคนอาจจะได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ แต่จะยังไงก็ตาม บ้านเราจะแต่งเติมยังไง เสียเงินเท่าไหร่ อีกอย่างที่ต้องระวังก็คือการเสียเงินให้รัฐบาล เป็นค่าปรับนั่นเองครับ

          รถซิ่ง รถแต่ง จะยกสูง โหลดเตี้ย โมเครื่องแรง โมเครื่องเสียดัง ติดไฟใต้รถ ระเบิดท่อไอเสีย จะขับผ่านด่านทีไรก็ต้องเสียวสันหลังว่าจะโดนเรียกจอดมั้ย จะโดนปรับเพราะดัดแปลงรถยนต์หรือไม่ วันนี้เรามาดู ข้อควรระวังสำหรับรถยนต์ตกแต่งทั้งหลายกันดีกว่าครับ ว่าแบบไหนถูกกฎหมาย แบบไหนจะถูกจับ
1. ใช้ป้ายทะเบียนยาว
สมัยนี้เห็นฮิตๆ กัน ป้ายทะเบียนยาวๆ แบบเมืองนอกใช้ สวยดี เท่ดี ก็เอาป้ายทะเบียนที่ออกให้โดยกรมการขนส่งทางบกมาตัดอัดกรอบใหม่ซะ ผิดกฎหมายนะครับ สามารถโดยข้อหาดัดแปลงสภาพป้ายทะเบียนได้ โดยถือเป็นการเปลี่ยนสภาพเอกสารทางราชการ โดยปรับได้ไม่เกิน 2,000 บาท แล้วหากติดป้ายเอียง มองไม่ชัด มีอะไรมาทับปิดตัวเลขป้าย ทำให้เห็นตัวเลขป้ายทะเบียนไม่ชัด หรือวางไว้หน้ากระจกมีสิทธิ์โดนปรับอีก 500 บาทครับ
ติดป้ายทะเบียนที่ทำขึ้นเอง ไม่ว่าจะเป็นกระดาษพิมพ์ เขียนเอง ก็จะผิดข้อหาไม่ใช้เอกสารที่ราชการกำหนด แต่หากเป็นป้ายปลอมที่ทำขึ้นเอง ไม่มีตราประทับของกรมการขนส่งทางบก หากตำรวจขอตรวจสำเนาแล้วเลขไม่ตรงกับป้าย ถือเป็นคดีปลอมแปลงเอกสารราชการ โทษปรับ 100,000 บาท
หากเลขไม่ตรงกับป้ายวงกลม ไม่ตรงกับสำเนารถ ผู้ขับขี่จะต้องไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ เพื่อทำการรวบรวมสำนวนและส่งต่อให้ศาลตัดสินค่าปรับ ซึ่งค่าปรับอาจจะสูงถึงหลักแสนหลักล้านก็ได้ทีเดียว

2. โหลดเตี้ย
คิดว่าคงเป็นความเข้าใจของคนใช้รถยนต์ว่า อาจจะยึดเกาะกับถนได้ดีกว่าเดิม หรือดูเท่กว่าเดิม จะว่าจริงก็ส่วนหนึ่ง การยึดเกาะที่ดี เกิดจากการมีช่วงล่างรถยนต์ที่สมบูรณ์ ยางใหม่ สภาพดี แต่กฎหมายเกี่ยวกับการโหลดรถ พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ระบุชัดเจนว่ารถที่โหลดเตี้ยจะโหลดแค่ไหนก็ได้ แต่วัดจากกึ่งกลางไฟหน้า กับระดับพื้นถนนจะต้องมีระยะไม่ต่ำกว่า 40 เซนติเมตร หากต่ำกว่านั้นถือว่าผิดกฎหมาย หากไฟหน้าสูง แต่รถยนต์ใส่สปอยเลอร์จนแทบลากพื้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ นายช่างตรวจสภาพกรมการขนส่งทางบก ผู้วินิจฉัยผล ตรอ. เป็นผู้พิจารณาว่ามีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ หรือสร้างความเดือดร้อนให้ตนเอง และผู้อื่นหรือไม่ แค่ไหน หากพิจารณาว่าเสี่ยง ก็จะถือว่าผิดได้เช่นกัน

3. บิ้กฟุต เท่สุดๆ
รถออฟโรด ที่สูงกว่ารถเก๋งทั่วไป เพราะว่าต้องบุกป่าฝ่าดง ปีนป่ายขึ้นเขา หากท้องรถสูงไม่พอก็อาจจะติดร่อง ติดหล่มไปต่อไม่ได้ พระราชบัญญัติรถยนต์ระบุว่าวัดจากระดับกึ่งกลางไฟหน้า กับพื้นถนนจะต้องไม่สูงกว่า 135 เซนติเมตร แต่หากไฟหน้าสูงไม่เกินกำหนด แต่รถสูงโต่งมาก มีการดัดแปลงสภาพมาก ทั้งเสริม ทั้งยกตัวถัง การปรับแต่งรถยนต์แบบนี้จะต้องมีหนังสือรับรองจากวิศวกรรองรับ และต้องมีการแจ้งกับกรมการขนส่งทางบกว่าทำการดัดแปลงเพื่อใช้งานในเขตทุรกันดาน แต่หากยกสูงไม่มากนัก ไม่เกินกำหนด แต่ใส่ยางล้นออมาข้างตัวรถจนเกินบังโคลนล้อ ก็ต้องใช้ดุลพินิจอีกเช่นกันว่ามีความเสี่ยงต่อผู้ใช้รถใช้ถนนอื่นๆ หรือไม่ หากตำรวจเห็นว่าเป็นอันตรายก็จะมีความผิดเหมือนกันนะครับ

4. ใส่ล้อเต็มซุ้มเพื่อความหล่อล่ำ
ตามกฎหมายแล้ว ไม่มีการระบุขนาดของล้อรถยนต์ ขนาดล้อรถยนต์ไม่ได้มีผลต่อการเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นจะใส่ล้อขนาดไหนก็สามารถทำได้ แต่ว่าหากใส่แล้วเส้นยางล้นออกมานอกบังโคลนล้อเป็นหลายๆ นิ้วเจ้าหน้าที่เรียกจอด แล้วตรวจพบ พิจารณาแล้วว่าเป็นสิ่งที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หรือสร้างความเดือดร้อนต่อผู้อื่นได้ ก็ถือว่าผิดได้เช่นกัน การใส่ล้อใหญ่เสียจนต้องแบะล้อหลบซุ้ม นอกจากจะทำให้รถไม่เกาะถนนแล้ว ยังถือเป็นการทำร้ายช่วงล่างรถยนต์อีกด้วย จะทำให้มุมอินเอาท์ผิดเพี้ยนไปจากเดิม ซึ่งจะทำให้ควบคุมล้อรถได้ยากขึ้น ทำให้กินยางมากขึ้น และดูแลรักษารถยนต์ยากอีกด้วย

5. ฝากระโปรงดำ หลังคาคาร์บอนไฟเบอร์
เหล่านักเลงรถมักจะชอบเปลี่ยนฝากระโปรงมาใช้เป็นคาร์บอนไฟเบอร์เพราะมีน้ำหนักเบา แต่สวยหรูดูดี ยิ่งพ่นสีเดียวกับรถก็ถือว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าเปลี่ยนสีเป็นสีอื่นที่ไม่ตรงกับสีรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถพิจารณาตามกฎได้ ว่ารถยนต์ที่จดทะเบียนมีการระบุสีตัวรถชัดเจนไม่รวมสีกันชนรถ จะต้องมีสีอื่นไม่เกินครึ่งหนึ่งของสีหลักที่จดทะเบียนเอาไว้ หากเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วเกินครึ่ง (หากสีฝากประโปรงหน้า-หลังเป็นสีอื่น ที่ไม่ใช่สีจดทะเบียนของรถ จะถือว่าเกิน 50%) แล้วไม่ได้แจ้งเปลี่ยนสี ว่าเป็นรถสีทูโทน จะถือว่าผิดกฎหมาย มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาทครับ

6. ท่อใหญ่เป็นท่อประปา
จะท่อ 3 นิ้ว หรือ 4 นิ้ว จะหม้อพักกี่ใบ ยังไงหม้อพักจะต้องปล่อยออกท้ายรถเท่านั้น (ยกเว้นรถพ่วง กับรถโดยสารขนาดใหญ่) ถ้าออกข้างตัวถังถือว่าผิดกฎหมายทันที รถยนต์ที่อายุเกิน 7 ปีจะต้องนำรถเข้าตรวจสภาพ เพื่อตรวจวัดระดับเสียงปลายท่อไอเสีย ผลที่ได้จะต้องไม่เกิน 100 เดซิเบล (เครื่องยนต์เบนซิน วัดที่ ¾ รอบที่ให้แรงม้าสูงสุด รอบสูงสุดสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล) โทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท

7. ไฟหน้าหลากสี
ไฟขาว ไฟแนวซิ่ง โคมดำ โคมขาว พ่นไฟโคมไฟหน้า-หลัง ตอนนี้จริงๆ แล้วยังไม่มีกฎหมายรอบรับ ถ้าจะติดก็ทำได้นะครับ แต่ว่าหากติดแล้วเข้าเครื่องทดสอบโคมไฟ ลำแสงจะต้องตกเป็นแนวระนาบไม่น้อยกว่า 2 องศา ต้องไม่เบนขวาถึงจะเรียกว่าผ่าน สีโคมไฟหน้า กรมฯกำหนดเอาไว้ 2 สีคือ สีเหลืออ่อน และสีขาว ถ้าเป็นสีอื่นถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 โทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ไฟเบรกต้องเป็นสีแดง ไฟเลี้ยวต้องเป็นสีเหลืองอำพัน ไฟส่องป้ายทะเบียนต้องเป็นสีขาวมองเห็นป้ายทะเบียนได้ไม่น้อยกว่า 20 เมตร

8. ติดโรลบาร์ ผิดด้วย?
ตามกฎหมายแล้ว จะมีข้อกำหนดเรื่องจำนวนที่นั่ง มาตราความเร็ว และไฟห้องโดยสาร กฎหมายยังไม่มีกำหนดออกมาเรื่องการติดโรลบาร์ ดังนั้นหากเราต้องการติดก็สามารถทำได้นะครับ แต่การถอดเบาะหลังออกเพื่อติดโรลบาร์ถือว่าผิดกฎหมายว่าด้วยการระบุลักษณะรถยนต์ และจำนวนตอนรถยนต์ รวมถึงความแน่นหนาด้วย ถือว่าผิดกฎหมายครับ ยิ่งถอดเบาะ ตัดตัวถัง แล้วติดโรลบาร์ยึดแบบ Spec Frame ผิดเต็มๆ ข้อหาดัดแปลงสภาพที่มีผลต่อความแข็งแรงของตัวรถยนต์ครับ


9. เปลี่ยนเบาะใส่เข็มขัดนิรภัยยึด 4 จุดแบบรถแข่ง
ที่นั่ง หรือเบาะ ได้มีการะบุขนาดกว้างยาวเอาไว้ด้วย เกี่ยวข้องกับการระบุจำนวนผู้โดยสาร เบาะแต่งส่วนมากจะมีขนาดถูกต้อง แต่หากถอดเบาะออกหรือสั่งทำเบาะใหญ่พิเศษถือว่าผิดกฎหมายครับ ส่วนเข็มขัดนิรภัย ทางกรมฯได้กำหนดมาตรฐานไว้ว่า เบาะที่ติดเข็มขัดนิรภัย 4 จุดถือว่าผิดมาตรฐาน แต่หากยึดแน่นหนาปลอดภัยก็อนุโลมได้ แต่หากใส่เข็มขัดนิรภัย 4 จุด 8 จุด แล้วไม่คาด ถือว่าไม่ผิดพระราชบัญญัตินะครับ แต่ผิดกฎหมาย ถูกจับเสียตังแน่นอนครับ

10. ขยายเครื่อง เปลี่ยนเทอร์โบ โมกล่อง
การวัดกำลังอัดจะหาขนาดความจุได้ยากนะครับ ทางกฎหมายถึงอาศัยการตรวจหมายเลขเครื่องยนต์ว่าถูกต้องตามทะเบียนที่แจ้งมาหรือไม่ หากเลขถูกก็ถือว่าถูก จะขยายความจุ ยืดข้อ เสริมเสื้อสูบ ยืดข้อ ใส่กลรองเปลือย เปลี่ยนเทอร์โบใหญ่ โมกล่องถึง 500 – 1,000 แรงม้าก็ไม่ผิดครับ แต่อุปกรณ์ในห้องเครื่องต้องแน่นหนา ปลอดภัย ถ้าจูนน้ำมันจนหนามา เจ้าหน้าที่จะวัดด้วยผลการตรวจควันดำ และค่า CO กับค่า HC เป็นตัวกำหนด (CO ค่าคาร์บอนมอนนอกไซด์, HC ค่าไฮโดรคาร์บอน) รถยนต์ที่จดทะเบียนก่อน 1 พ.ค. 2536 ต้องวัดค่า Co ไม่เกิน 4.5 เปอร์เซ็นต์ และค่า Hc ไม่เกิน 600 PPM ส่วนรถยนต์ที่จดทะเบียนหลัง 1 พ.ค. 2536 ต้องวัดค่า Co ไม่เกิน 1.5 เปอร์เซ็นต์ และค่า Hc ไม่เกิน 200 PPMครับ
รถเครื่องดีเซล ไม่ว่าจะเปลี่ยนอะไรยังไง ควันดำต้องไม่เกิน 50% โดยใช้เครื่องวัดแบบกระดาษกรอง กำหนดที่ 45% ด้วยเครื่องวัดความทึบแสง ดังนั้นไม่ว่าจะโมขนาดไหน หากระดับการเผาไหม่ผ่านก็ถือว่าถูกกฎหมายครับ

แบบนี้แล้ว ก็ระมัดระวังกันหน่อยนะครับสำหรับขาแต่งรถทั้งหลาย ก่อนจะแต่งอย่าลืมตรวจสอบรายละเอียดให้ถูกต้องตามกฎหมาย และมีความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรกครับ

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เรื่องควรรู้ มือใหม่หัดแต่งรถ

  ว่าด้วยรถแต่งที่ขับกันอยู่ตามท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นการติดสเกิร์ต สปอยเลอร์ กันชน ท่อไอเสีย สำหรับมือใหม่หัดแต่งเห็นรถคันอื่นแต่งแล้วสวย อยากจะแต่งรถตัวเองบ้าง แต่ไม่รู้ว่าควรจะแต่งมากน้อยแค่ไหนถึงจะเหมาะสม และไม่สร้างความเสียหายกับรถ วันนี้เราจะมาอธิบายให้ทราบกัน
     เหตุผลที่ต้องแต่งรถ?
     การแต่งรถเหมือนเป็นการเติมเต็มรถให้สมบูรณ์ ส่วนมากจะเห็นคันอื่นแต่งแล้วสวย เช่น ซื้อรถตัวล่าง ที่ไม่ใช่รุ่น Top ก็อาจจะไม่มีออฟชั่นบางอย่าง ซื้อมาขับแล้วก็มานั่งมองตาละห้อยเวลาเห็นคันอื่นมีสเกิร์ต สปอร์ตไลท์ ล้อแม็ก ก็เลยต้องเข้าร้านประดับยนต์หรือหาของแต่งมาเพิ่ม บางคนก็แต่งเพื่อความสวยงาม บางคนก็บอกว่าแต่งเพื่อเพิ่มสมรรถนะ สำหรับของแต่งบางอย่าง เช่น สปอยเลอร์หลังนั้น แต่งแล้วก็ไม่ได้ช่วยในเรื่องการขับขี่หรือการทรงตัวให้ดีขึ้นเท่าไรนัก แม้ว่าจะมีหลักกลศาสตร์,พลศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องแต่ก็ไม่เห็นผลชัดเจนสำหรับรถบ้าน ติดเพื่อความสวยงามมากกว่า

     อยากแต่งรถ ทำอะไรได้บ้าง?
     ติดสเกิร์ต สปอยเลอร์ วัตถุประสงค์ในสนามแข่งนั้นมีเพื่อประคองรถและการทรงตัว สำหรับรถบ้านหรือรถที่ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำนั้นอาจจะมีประโยชน์ในเรื่องของความเท่ ความสวยงามเสียมากกว่า รถที่ติดสเกิร์ตบางคันเวลาขึ้นเนินหรือเจอลูกระนาดอาจกระแทกหรือครูดเนินได้ โดยเฉพาะถ้ายิ่งโหลดเตี้ยก็จะยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังมากกว่ารถเดิมๆ ถนนเมืองไทยที่ใช้ในชีวิตประจำวันนั้นไม่เหมือนสนามแข่ง ควรแต่งแค่พอสวยงาม
     ไฟหน้า ไฟท้าย ประโยชน์ของไฟมีไว้เพื่อการส่องสว่าง สำหรับบางคันที่ต้องการแต่งรถให้สวยงาม อาจเอารถไปพ่นโคมไฟหน้าไฟท้าย ไฟท้ายพ่นโคมดำนั้นถ้ามองเห็นได้ปกติก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเวลาเหยียบเบรกแล้วไฟสว่างไม่พอ รถคันหลังที่ขับตามมมาอาจจะมองเห็นคุณได้ไม่ชัดเจน เรื่องการพ่นโคมไฟหน้าไฟท้ายควรจะต้องมั่นใจเรื่องของคุณภาพสีที่ใช้พ่นด้วย
    เปลี่ยนสีรถ ลายแต่งรถ การพ่นสี Wrap หุ้มสติ๊กเกอร์ ติดสติ๊กเกอร์ หากเป็นรถสินค้า หรือติดสติ๊กเกอร์โฆษณาบนรถยนต์ หุ้มฝาหน้าฝาท้ายหรือทำทั้งคัน อาจจะต้องไปแจ้งเปลี่ยนสีที่กรมขนส่งทางบก แต่หากเปลี่ยนเพิ่มเติมเล็กๆ น้อยๆ พอสวยงามคงไม่มีปัญหา
     ช่วงล่าง ระบบกันสะเทือนหรือรองรับน้ำหนัก เรานิยมเรียกว่า “ช่วงล่าง” ไม่ว่าจะยกสูง โหลดต่ำ แหนบ มัลติลิงค์ หรือเปลี่ยนอะไรก็แล้วแต่ ควรจะต้องทำช่วงล่างให้รองรับด้วย เช่น รถยกสูง ควรเปลี่ยนล้อให้ใหญ่ขึ้นเพื่อให้รับกับตัวรถ
     - ยกสูงใส่ยางใหญ่ อย่างพวกรถ 4WD ควรเปลี่ยนล้อให้มีขนาดใหญ่ขึ้นด้วยเพื่อให้รองรับกับตัวรถ เน้นใช้ในทางทุรกันดานเป็นหลัก แต่หาเอามาใช้ในสภาพถนนปกติก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไร ซ้ำจะมีข้อเสียคือลูกหมาก ลูกปืน ระบบพวงมาลัยอาจเสื่อมสภาพเร็วขึ้น หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบยาง
     - โหลดเตี้ย ถ้าเตี้ยมากเกินก็เป็นอุปสรรคเวลาขึ้นเนิน เกิดความเสียหายกับช่วงล่าง
     ล้อรถ ยางรถ ไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้ล้อมาตรฐานที่ติดมากับรถเสมอไป บางทีแล้วยางรถเดิมๆ อาจจะหน้ายางเล็กเกินไป หรือเป็นล้อกะทะ ถ้าอยากจะแต่งให้สวยงามก็ไปเปลี่ยนเป็นล้อแม็กได้ แต่ควรเลือกขนาดยางและล้อให้เหมาะสม ยางหน้ากว้างนั้นช่วยให้รถเกาะถนนดีขึ้นและใช้ความเร็วสูงได้ แต่ก็อาจจะกินน้ำมัน ดังนั้นไม่ว่าจะยกสูง โหลดเตี้ย ควรจะต้องปรับแต่งช่วงล่างให้เหมาะสมตามไปด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย อายุการใช้งานสั้นลง
     อย่างการใส่ล้อใหญ่ โหลดเตี้ย หรือล้อล้นๆ ก็ควรเลือกให้พอเหมาะ ก่อนจะเปลี่ยนยางหรือล้อควรลองขับดูก่อนว่าขับแล้วเบียดซุ้มเบียดยางไหม ขับแล้วติด หรือครูดไหม
    เครื่องยนต์
     เครื่องยนต์สมัยใหม่นั้นค่อนข้างแรงและอัจฉริยะอยู่แล้ว อยากได้รถแรงบางคนก็เอา “เทอร์โบ” มาใส่ แต่งต้องตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์เสียก่อนว่าเครื่องยนต์ของคุณนั้นพร้อมจะติดตั้งเทอร์โบหรือไม่ ติดแล้วจะมีค่าความเสถียรหรือมีความทนทานแค่ไหน เครื่องยนต์ที่จะใส่เทอร์โบได้ภายในจะต้องดีไซน์มาเพื่อรับแรงอัดเทอร์โบด้วย บางทีต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนภายในทุกอย่างเพื่อให้ลงตัวกับเทอร์โบที่มีแรงอัดสูง นอกจากจะต้องศึกษาข้อมูล ยังต้องติดตั้งอุปกรณ์ที่ถูกต้องสำหรับรถรุ่นนั้นๆ รวมถึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องติดตั้งโดยช่างที่ชำนาญ มีความรู้และเข้าใจเรื่องเทอร์โบเป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นอาจเสียแรงเปล่า หนำซ้ำเครื่องยนต์จะเสียหายได้

     พวงมาลัย
     รถรุ่นใหม่ส่วนใหญ่จะมีระบบถุงลมนิรภัย Airbag หากคุณอยากเปลี่ยนเป็นพวงมาลัยแต่ง ต้องศึกษาก่อนว่าเมื่อใส่แล้ว Airbag จะทำงานได้หรือไม่ ชั่งใจระหว่างความสวยงามกับความปลอดภัยดู

     เบาะนั่ง
     แต่งภายนอกสวยแล้วภายในก็ต้องสวยด้วย หลายคนอาจเปลี่ยนเบาะใหม่เพื่อสร้างความแตกต่าง ยิ่งเบาะรถแต่งเดี๋ยวนี้ก็มีให้เบือกมากมายหลายแบบ แต่คุณต้องพิจารณาโครงสร้างเบาะกับตัวรถด้วย ว่าเมื่อเปลี่ยนห้องโดยสารแคบขึ้นหรือเปล่า นั่งสบาย ไม่เมื่อยเวลาขับทางไกลๆ ถ้าเป็นเบาะรถแข่งบางรุ่น อาจจะเอามาใส่ในชีวิตประจำวันได้ แต่ลำบากเวลาขึ้นลง


     จะเห็นว่าการแต่งรถนอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นข้อดีข้อเสียตามมา เช่น แต่งมากไปก็มีผสเสีย รถสูงไปก็เสียการทรงตัว เตี้ยไปก็ขับยาก หรือแม้แต่สปอยเลอร์ติดเพื่อความเท่แต่อาจจะบดบังทัศนะวิสัยในการมองเห็น ดังนั้น การแต่งรถที่ดีต้องรู้จักที่จะผสมผสานอย่างลงตัว มีความพอดี ถ้าคำนึงถึงข้อนี้รับรองว่าคุณจะได้รถที่ถูกใจและมีความสุขในการแต่งรถอย่างแน่นอน